ยินดีต้อนรับสู่ THAI LOCATION

เว็บบล็อกแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองไทย รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของประเทศไทย สนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

สถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทย

เมืองไทยเป็นประเทศที่มากมายไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นต้น

แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปะวัฒนธรรม

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดกอยู่มากมาย ซึ่งมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานจนถึงปัจจุบัน ซึ่งบางแห่งได้รับคัดเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกที่คนไทยภาคภูมิใจ

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสัตว์ป่า

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของประเทศไทยถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ มีความโดดเด่นของประเทศไทย เช่น หาดทราย ชายทะเล หมู่เกาะ โถงถ้ำ ทะเลสาบ ผืนป่า น้ำตก ทุ่งดอกไม้ เป็นต้น

แหล่งท่องเที่ยวแนวสปาเพื่อสุขภาพ

เมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวแนวสปาเพื่อสุขภาพอยู่มากมาย ทั้งในใจกลางกรุงเทพฯ และตามเมืองใหญ่ สปาระดับมาตรฐาน พรั่งพร้อมด้วยคอร์สดูแลร่างกายหลากหลายประเภทให้เลือกมากมาย

หมู่เกาะอาดัง ราวี จังหวัดสตูล

หมู่เกาะ อาดังราวี จังหวัดสตูล คืออีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามมากอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทยซึ่งเป็นหมู่เกาะที่อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ใต้สุด ของประเทศไทย มีเนื้อที่เกาะประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทราย ละเอียดสวยงาม และมีแนวปะการังอยู่รอบๆ รอบเกาะมีเกาะเล็กๆ คือ เกาะหลีเป๊ะ เกาะดง เกาะหินงาม และเกาะยาง เป็นเกาะที่เหมาะ สำหรับการดำน้ำตื้น ภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาสูง มีป่าปกคลุมแลดูเขียวครึ้ม ทางด้านหลังมีน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดปี คำว่า อาดัง มาจากคำเดิมในภาษามลายูว่า อุดัง มีความหมายว่า กุ้ง เพราะบริเวณนี้เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยกุ้งทะเล มีสถานที่น่าสนใจเป็น จำนวนมาก

 

 

thailocation0016

 

หมู่เกาะ อาดังราวี เหมาะแก่การดำน้ำลึก สำรวจรายละเอียดสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ได้ แต่ก็สามารถดำบนผิวน้ำได้เช่นกัน เพราะน้ำทะเลค่อนข้างใส สำหรับจุดดำน้ำลึกนั้นอยู่บริเวณ ร่องน้ำจาบัง มีกองหินจาบังเป็นจุดหมายระหว่างเกาะอาดัง เกาะราวี และเกาะหลีเป๊ะ ลักษณะเป็นกองหินรูปทรงคล้ายภูเขา 5 ยอดอยู่ใต้น้ำ นอกจากนี้ยังมีปะการังอ่อนหลากสีสันเหมือนสวนดอกไม้เใต้ท้องทะเล ความโดดเด่นที่รู้จักกันดีในหมู่นักดำน้ำ คือ ที่ร่องน้ำจาบัง เป็นจุดที่สามารถดำน้ำแบบ snorkeling แล้วเห็นปะการังอ่อนที่มักพบในจุดดำน้ำลึกได้ นอกจากนี้หมู่เกาะ อาดังราวี ยังมีเกาะอื่นๆ ที่เป็นแหล่งดำน้ำ ได้แก่
เกาะยาง หรือ เกาะกาต๊ะ เป็นเกาะเล็กๆอยู่ไม่ไกลจากเกาะอาดัง น้ำทะเลใสและมีแหล่งปะการังแข็งที่สวยงาม เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังผักกาด ปะการังสมอง  บนเกาะมีชายหาดที่มีทรายละเอียด

 

thailocation0017

 

เกาะจาบัง เป็นเกาะขนาดเล็กอยู่ห่างจากเกาะอาดังราว 20 นาที บริเวณก้อนหินใต้น้ำรอบๆ เกาะจาบังเป็นแหล่งปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และฝูงปลาที่มีสีสันสวยงาม ระดับน้ำลึกราว 15-30 ฟุตของกองหินบริเวณนี้ ทำให้เหมาะแก่การดำน้ำตื้นในลักษณะการดำผิวน้ำ และสามารถดำน้ำลึกได้
หมู่เกาะดง เกาะดงเป็นเกาะที่อยู่นอกสุดของหมู่เกาะอาดัง ราวี ห่างจากเกาะอาดังราว 1 ชั่วโมง มีแหล่งปะการังน้ำตื้น และปะการังน้ำลึก  เกาะดงยังมีเกาะบริวารอยู่โดยรอบราว 4-5 เกาะ โดยมีเกาะหินซ้อนที่มีลักษณะโดดเด่นเหมือนก้อนหินที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ
เกาะหินงาม นอกจากจะได้ชมความงามของก้อนหินกลมมนบนเกาะแล้ว บริเวณด้านหลังเกาะหินงามยังมีแนวปะการัง ดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูน น้ำใสเหมาะแก่การดำน้ำตื้น

 

thailocation0018

 

เกาะผึ้ง เกาะเล็ก ๆ อยู่ระหว่างเกาะราวีและเกาะดง มีกัลปังหาและปะการังแข็งอยู่บริเวณใกล้ร่องน้ำ เหมาะสำหรับดำน้ำ
เกาะหินขาว เป็นจุดดำน้ำตื้นอีกจุดหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เกาะหลีเป๊ะ มีปะการังอ่อน ปะการังแข็ง และฝูงปลาเป็นจำนวนมาก

การเดินทาง
สำหรับผู้สนใจท่องเที่ยวไปตามเกาะต่างๆ ในหมู่เกาะอาดังราวีนั้น สามารถเช่าเรือหางยาวได้ที่เกาะหลีเป๊ะ  อัตราค่าเช่าวันละ 1,000-1,200 บาทต่อวัน (8-12 คน)
ชมรมเรือหางยาวนำเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ โทร. 081 959 6542
ติดต่อ โทร. 074 728 028,074 712 409

น้ำตกป่าละอู จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

น้ำตกป่าละอูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่เราขอแนะนำ ป่าละอูตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ มีน้ำตลอดทั้งปี มีจุดที่สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัยช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุดคือระหว่างเดือน สิงหาคม ถึง มีนาคม เพราะจะมีน้ำมาก และฝนเริ่มทิ้งช่วง การเดินทางไม่ลำบากมาก ในฤดูหนาวอุณหภูมิเคยลดต่ำสุดถึง 6 องศาเซลเซียส น้ำตกชั้นแรก ๆ เป็นน้ำตกขนาดเล็ก จากชั้นที่ 5 เป็นต้นไปมีขนาดสูงใหญ่ขึ้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะชมความงาม ของน้ำตก ถึงบริเวณชั้น 7 เท่านั้น เนื่องจากน้ำตกแต่ละชั้นสูงชัน ต้องปีนป่ายพอควร จากชั้นที่ 7 เป็นทางสามแพร่ง หากไปทางขวาจะไป น้ำตกคลองปราณ ใช้เวลาเดินประมาณ 1 วันจึงจะถึง หากไปทางซ้ายจะเข้าเขตป่าละอูซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของชาวกะเหรี่ยง กะหร่าง จากน้ำตกชั้นที่ 15 ไปอีกไม่ไกลจะถึงเขตพรมแดนไทย-พม่า 

 

thailocation0015

 

น้ำตกป่าละอูตั้งอยู่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ในพื้นที่ป่าละอู มีพื้นที่ประมาณ 273,125 ไร่ อุดมไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม และสัตว์ป่านานาชนิด ป่าละอูจัดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีหน่วยพิทักษ์อุทยานน้ำตกป่าละอูของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตั้งอยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำก่อนถึงตัวน้ำตกประมาณ 2 กิโลเมตร

ด้วยสภาพธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ ทำให้น้ำตกป่าละอูเป็นแหล่งสัตว์ป่าหายากจำนวนมาก เช่น ช้างป่า กระทิง เสือดาว เลียงผา เป็นต้น สัตว์ที่พบเห็นได้ง่ายคือชะนีและค่าง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่ชอบดูนก ยังสามารถดูนกระหว่างทางไปป่าละอูและ บริเวณน้ำตก นกที่พบเห็นได้ เช่น นกขุนแผนหัวแดง นกบั้งรอก นกหัวขวานใหญ่สีเทา นกคัดคูหางแพน เป็นต้น

 

thailocation0014

 

การเดินทางไปน้ำตกป่าละอู

โดยรถประจำทาง

มีรถโดยสารปรับอากาศ และรถธรรมดาให้บริการที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ไปยังอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นจะมีรถโดยสารหรือรถยนต์รับจ้างให้บริการจาก ปราณบุรี-บางปู, บางปู-แหลมศาลา, ปราณบุรี-ที่ทำการฯ, บางปู-ที่ทำการฯ

โดยทางอื่น

การ เดินทางไปน้ำตกป่าละอูนั้น เราสามารถเลือกเดินทางได้ 2 ทาง คือทางรถไฟ และทางรถยนต์ ทางรถไฟก็ขึ้นได้ทั้งสถานีหัวลำโพง และบางกอกน้อย โดยลงที่สถานีหัวหิน และนั่งรถประจำทางสาย หัวหิน - น้ำตกป่าละอูเข้าไป ส่วนกลุ่มผมนั้นเลือกที่จะมารถประจำทางโดยมาขึ้นที่ ขนส่งสายใต้ใหม่ มาลงหัวหิน หลังจากที่มาถึงหัวหิน ก็เลยถือโอกาสเดินเล่นที่ตลาดกันหน่อยนะครับ ก็ต้องซื้อเสบียงเข้าไปทำกินด้วย เพราะตามข้อมูลเบื้องแล้วที่ตัวน้ำตกจะไม่มีร้านค้าจำหน่ายอาหารเลยครับ ร้านที่ใกล้ตัวน้ำตกที่สุดก็ประมาณ 5 กม. พอซื้อของที่จำเป็นเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลยครับ ไปถึงทางแยกไปน้ำตกก็ต้องลงครับเพราะรถมาสิ้นสุดแค่นี้จากจุดนี้ก็ประมาณ 10 กม. ก็ต้องใช้วิธีโบกรถ นักท่องเที่ยวเขาไป ซึ่งช่วงที่ผมไปนั้นก็ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวขึ้นแล้วครับมีแต่จะลงมาเท่า นั้น ก็เดินไปเลยๆ ครับ ยังดีกว่ารออยู่เฉยๆ ซึ่งเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างครับ มีรถเจ้าหน้าที่จะไปที่หน่วยพอดี เลยขออาศัยไปลงที่หน่วยครับ แต่ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่ใจดีมากครับ เป็นกันเองมากเลย พอถึงด่านเก็บเงินก็จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าคนละ 20 บาท พอมาถึงเจ้าหน้าที่ได้แนะนำว่าควรจะขึ้นไปตัวน้ำตกในวันต่อไปดีกว่าเพราะ ใกล้เย็นแล้ว ให้พักที่หน่วยก่อนพวกเราก็เห็นตรงกันนะครับจัดแจงก่อไฟทำอาหารทานกัน เกือบลืมไปครับสำหรับท่านที่จะขึ้นไปให้ถึงชั้นบนสุดต้องนอนที่ตัวน้ำตกครับ และสถานที่ไม่อื้ออำนวยต่อการกางเต๊นท์เลยครับ พอดีพวกผมเดินทางกันบ่อยนะครับ เพื่อความคล่องตัวจึงมีเปลนอนกับครบทุกคน สะดวกในการ นอนดีครับไม่ต้องใช้พื้นที่ให้มากด้วย

หาดอ่าวนาง จังหวัดกระบี่

อ่าวนางหรือหาดอ่าวนาง คือสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่มีความสวยงามและน่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ลักษณะเป็นเวิ้งอ่าวยาวประมาณ 6 กิโลเมตร ทิวทัศน์โดยรอบ สวยงามแปลกตาด้วยภูเขาหินปูนตระหง่าน และที่สำคัญ อ่าวนาง เป็นที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่

 

thailocation0013

 

อ่าวนาง ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่มาประมาณ 20 กิโลเมตร สามารถเดินทางมาได้โดยการโดยสารรถประจำทางจากหน้าห้างโวค ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกระบี่ซึ่งมีรถประจำทาง วิ่งทุกวัน ในทุกๆ 5-10 นาที อ่าวนาง ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งจับจ่ายซื้อของ ซึ่งมีหลากหลายสินค้าและครบครันไปด้วยทุกสิ่งที่ต้องการ ซึ่งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ชอบมาจับจ่ายซื้อสินค้าและเลือกพักผ่อนในโรงแรมที่พัก ซึ่งมีหลายแบบและหลายระดับราคาให้เลือก

เหตุที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นิยมมาเที่ยวอ่าวนาง นอกจากความงดงามของทะเล ชายหาด และกำแพงหินผาสวยงามแล้ว อ่าวนางยังเป็นสถานที่ใกล้เคียงกับแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่นๆและ ง่ายในการเดินทาง ซึ่งนอกจากจะใกล้กับอำเภอเมืองเพียงแล้ว อ่าวนางยังใกล้กับสุสานหอยซึ่งเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ของชาวกระบี่เพียง 10 กิโลเมตร ห่างจากไร่เลย์เพียง 15 นาที โดยข้ามเทือกเขาหินปูนไปยังทิศตะวันออกเพื่อไปยังหาดไร่เลย์ โดยการเดินทางโดยเรือหางยาว และอ่าวนางยังเป็นท่าจอดเรือเพื่อไปยังเกาะพีพีและเกาะลันตา โดยมีเรือวิ่งวันละ 2 เที่ยว

อ่าวนาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มากมายไปด้วยกิจกรรมอันหลากหลาย เพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับวันหยุดที่มีค่า มีให้เลือกเที่ยวกันตามแต่จะถนัด ไม่ว่าจะต้องการไปเที่ยวเพื่อดำน้ำลึกยังหมู่เกาะพีพี – อ่าวโละซามะ- หรือไดฟ์ไซท์แถบทะเลอ่าวนาง , ดำน้ำตื้นดูปะการังยังหมู่เกาะต่างๆได้แก่ ทัวร์สี่เกาะทะเลกระบี่ (เกาะไก่ , เกาะหม้อ , เกาะปอดะ , เกาะทัพ ) หรือทัวร์ทะเลแหวก ( เกาะไก่ , เกาะหม้อ , เกาะทัพ ) ซึ่งทั้งเกาะต่างๆทั้งสองทัวร์นั้น ห่างจากหาดอ่าวนางแค่ 5-8กิโลเมตร เท่านั้นเอง และกิจกรรมอื่นๆ เช่น กิจกรรมตกปลา, คายัคหรือแคนู และ เดินป่า ขี่ช้าง ชมความงามของป่าดิบชื้นภาคใต้ หรือต้องการศึกษาอารยธรรมความเป็นมาทางโบราณคดี ได้ที่ พิพิธภัณฑ์วัดคลองท่อม ชมตกน้ำร้อน และสระมรกต

 

thailocation0012

 

ถนนโค้งเรียบริมอ่าวทะเลของหาดอ่าวนาง เป็นจุดที่พลุกพล่านไปด้วยร้านค้าและแสงสีในยามค่ำคืนมากที่สุด เป็นเสมือนโลกของสีสันอันคึกคัก ตั้งเฉิดฉายโดดเด่นอยู่ริมทะเล โดยจุดเด่นในข้อนี้ จึงมักมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวอ่าวนางในยามราตรี ทุกสถานบันเทิงทั้ง คลับ บาร์ ร้านอาหาร จะมีนักท่องเที่ยวแทรกตัวและ ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานอยู่กันตามสถานบันเทิงเหล่านั้นอย่างหนาตา และรวมไปถึงที่พัก โรงแรม รีสอร์ทในทุกระดับ ทุกราคา และสะดวกสบาย มีให้เลือกอย่างมากมาย พร้อมทั้ง ร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ก็ตั้งเรียงรายอยู่ตามถนนเส้นนี้กันอย่างมากมายเช่นกัน

กล่าวถึง อ่าวนาง นอกจากหาดอ่าวนางแล้ว ยังประกอบไปด้วยหาดใกล้เคียงซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากหาดอ่าวนางและมีความเป็น เอกลักษณ์โดดเด่นที่แตกต่าง มีที่พักในแบบมีสไตล์ ไม่เหมือนใคร อันได้แก่ หาดนพรัตน์ธารา หาดคลองม่วง, หาดทับแขก

จากตัวเมืองกระบี่ นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถสองแถว ค่าโดยสาร 20 บาท ใช้เวลาประมาณ 45 นาที หรือหากต้องการเดินทางจากตัวเมืองกระบี่ไปยังหาดไร่เลโดยตรง สามารถโดยสารเรือได้ที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ใช้เวลา 45 นาที ค่าโดยสารคนละ 70 บาท

หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต

หาดป่าตองเป็นชายหาดที่มีชื้อเสียงมากที่สุดของเกาะภูเก็ต เป็นชายหาดที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านดำน้ำ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมายไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวและหาดแห่งนี้คือสถานที่ผักผ่อนที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาผักผ่อนตลอดทั้งปี ซึ่งหาดป่าตองอยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 15 กิโลเมตร
 
thailocation0011
 
หาดป่าตองเพียบพร้อมไปด้วยบ้านพัก โรงแรม บริษัทนำเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งบันเทิงยามค่ำคืนไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว ที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยว 24 ชม. เลยก็ว่าได้ ณ บริเวณชายหาดยังมีหาดทรายขาวละเอียด เหมาะสำหรับเล่นน้ำทะเล และยังมีกิจกรรมทางทะเล ไม่ว่าจะเป็น เจสกี สปีดโบท และอื่นๆอีกมากมาย ไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว อย่างครบครัน
หาดป่าตองถูกถล่มโดยคลื่นสึนามิจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ปัจจุบัน หาดป่าตองเป็นหนึ่งในหาดสำคัญที่ติดตั้งระบบเตือนภัยคลื่นสึนามิ มีการซ้อมอพยพและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ
จุดเด่นของหาดป่าตอง
  • เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากที่สุดของภูเก็ต
  • บริเวณหาดมีเม็ดทรายสีขาวละเอียด
  • มีแหล่งช๊อปปิ้ง ร้านอาหาร แพ็คเกจทัวร์ สปา ทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก
  • มีโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก
  • มีกิจกรรมท่องเที่ยวตามชายหาดทุกรูปแบบ
  • สามารถเดินทางข้ามไปยัง หาดพาราไดส์ ภูเก็ต ได้ เพียงไม่กี่นาที เนื่องจากเป็นหาดที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน
  • มีแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีสำหรับนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบและเป็นจำนวนมาก
  • มีจุดรับส่งนักท่องเที่ยวหรือแท็กซี่บริการนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
 
thailocation0010
 
จุดด้อยของหาดป่าตอง
  • ที่จอดรถมีจำนวนมากแต่ก็ยังไม่ยังไม่พอสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมาก
  • ช่วงเทศกาลพิเศษจะมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมาก
การเดินทางไปยังหาดป่าตอง
การเดินทางมายังหาดป่าตองสามารถมาถึงได้จากสามทางหลัก หากเดินทางมาจากตัวเมืองโดยนับจาก"สนามกีฬาสุระกุลภูเก็ต" จะใช้เวลา ประมาณ 25 นาที หรืออีกเส้นทางที่สองสามารถเดินทางจากหาดกะรนจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที และอีกเส้นทางที่สามสามารถเดินทาง มาจากหาดกมลาโดยจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเช่นกัน โดยทั้งสามทางสามารถเดินทางไปถึงหาดได้ทั้งรถยนต์และ รถจักรยานยนต์











อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย

อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย คืออุทยานแห่งชาติซึ่งประกอบด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์ แม้ว่าจะตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่มาก แต่ป่าส่วนใหญ่อยู่บนภูเขาสูงสลับซับซ้อน ภูเขาสำคัญได้แก่ ดอยสุเทพ ดอยปุย เป็นต้น นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญ 2 แห่งได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร และพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง แม่ริม และหางดง ของจังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ทั้งหมด 163,162.5 ไร่หรือประมาณ 261 ตารางกิโลเมตร จุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติอยู่บริเวณ ดอยปุย ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,658 เมตร และมีดอยที่สำคัญได้แก่ ดอยสุเทพ ดอยบวกห้า และดอยปุย เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธาร ทั้งมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญทางศาสนา และทางประวัติศาสตร์

 

thailocation

 

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท

ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก อุทยานมีบริการบ้านพักรายละเอียดติดต่อ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. +66 2562 0760 หรืออุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โทร. +66 5329 5041, +66 5321 0244

สถานที่น่าสนใจในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย

น้ำตกห้วยแก้ว เป็นน้ำตกเล็กๆ สูงประมาณ 10 เมตร อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 6 กิโลเมตร มีน้ำไหลตลอดปี รอบๆ บริเวณสวยงามด้วยทิวทัศน์และร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด นอกจากนี้ยังมีที่พักผ่อนนำอาหารไปนั่งรับประทานกันที่ผาเงิบและวังบัวบานอันเป็นสุสานแห่งความรักของสาวบัวบานผู้ถือรักเป็นสรณะ

พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จากวัดพระธาตุดอยสุเทพไปยังพระตำหนักฯ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นพระตำหนักประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า สามารถเดินชมโดยรอบตำหนักและบริเวณซึ่งมีแปลงกุหลาบ สวนเฟิร์น และไม้นานาพรรณ โดยปกติแล้วจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ทั้งนี้จะต้องเป็นช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มิได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ซึ่งปกติจะปิดในช่วงเวลาตั้งแต่ประมาณกลางเดือนธันวาคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามจากสำนักงาน ททท.ภาคเหนือเขต 1 (สำนักงานเชียงใหม่) ค่าเข้าชม คนละ 20 บาท ต่างชาติ 50 บาท

หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย บริเวณหมู่บ้านจำหน่ายของที่ระลึกจำนวนมากซึ่งมีทั้งที่ผลิตภายในหมู่บ้านและนำมาจากที่อื่นวางขายให้แก่นักท่องเที่ยว  มีพิพิธภัณฑ์ม้ง สวนดอกไม้ซึ่งมีบริการถ่ายรูปแต่งชุดชาวเขา บริเวณรอบๆ หมู่บ้านมีทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นดอยอินทนนท์ได้  นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้สะดวกเพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง โดยใช้เวลาในการเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น  การเดินทาง หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนดอยปุย ห่างจากพระตำหนักฯ 3 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอด สามารถเข้าไปเที่ยวด้วยตนเองได้ หรือจะเช่ารถสองแถวจากดอยสุเทพขึ้นไปได้ทุกฤดูกาล ประมาณคันละ 600-900 บาท ค่าโดยสารต่อคนประมาณ

ก่อนการเข้าไปท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวควรมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ โดยดูได้จากเว็บไซต์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช www.dnp.go.th  และแนะนำนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเข้าไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติที่มีการกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ ให้ติดต่อสอบถามหรือสำรองการเข้าไปใช้บริการล่วงหน้าก่อนการเดินทางที่อุทยานแห่งชาติโดยตรง อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ โทร. +66 5329 5041 ตลอด 24 ชั่วโมง และ +66 5321 0244 ระหว่าง 08.00-17.00 น.

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “วัดพระแก้ว” ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ที่เป็นหัวใจแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่ยังคงความยิ่งใหญ่และงดงาม วัดพระแก้วเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติมาก หลายคนเคยไปเที่ยวชมความสวยงามของวัดพระแก้วมาแล้วแต่ก็มีอีกมากที่ยังไม่เคยไปสถานที่แห่งนี้ ซึ่งส่วนมากเราจะไปไหว้พระแก้วและก็ถ่ายภาพเก็บความสวยงามกลับไปเชยชมกันซะมากกว่าแต่อาจจะยังไม่ทราบประวัติความเป็นมาของ วัดพระแก้ว หรือท่านที่ทราบอยู่แล้วก็ถือว่าเป็นการทบทวนความทรงจำก็แล้วกันนะครับผม รู้ไว้ใช่ว่าครับ ครับวันนี้เรามาทำความรู้จักกับวัด พระแก้ว เพิ่มเติมกันอีกดีกว่า

 

thailocation0004

 

วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เช่นเดียวกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ที่นำมาจากกรุงเวียงจันทร์ แต่แท้ที่จริงแล้ว พบเจอวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย และเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาส

วัดพระศรีรัตนศาสดารามได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด การบูรณะครั้งใหญ่ทั้งพระอาราม มีขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2425 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามในโอกาสที่มีพระราชพิธีฉลองพระนครครบ 150 ปี ในรัชกาลปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามอีกครั้งใน พ.ศ. 2525 เมื่อมีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นองค์ประธานในการบูรณะ

วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่สำคัญและเป็นที่เชิดหน้าชูตาของบ้านเมือง ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ

อาคารต่างๆในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)

เนื่องจากภายในวัดพระศรีรัตนศาสดารามมีอาคารสำคัญและอาคารประกอบเป็นจำนวนมาก จึงขอแบ่งกลุ่มอาคารออกเป็น 3 กลุ่ม ตามตำแหน่งและความสำคัญ ดังนี้

กลุ่มพระอุโบสถ

กลุ่มพระอุโบสถ เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญสูงสุด มีพระอุโบสถเป็นอาคารประธานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ล้อมรอบด้วยศาลาราย พระโพธิ์ธาตุพิมาน หอราชพงศานุสรณ์ หอราชกรมานุสรณ์ หอระฆัง และ หอพระคันธารราษฎร์

พระอุโบสถ ตั้งอยู่ส่วนกลางของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีกำแพงแก้วล้อมรอบ มีซุ้มประดิษฐานเสมารวม 8 ซุ้ม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2326 เพื่อประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกต) ที่พระองค์ทรงอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2322 (พบพระแก้วมรกต ครั้งแรกที่เจดีย์ ณ วัดพระแก้ว อ.เมือง จังหวัดเชียงราย)

 

thailocation0002

 

ในการสร้างพระอุโบสถหลังนี้ใช้เวลา 3 ปี สำเร็จเรียบร้อยลงใน พ.ศ. 2328 ต่อมา เมื่อประมาณได้เกิดเพลิงไหม้บุษบกทรงพระแก้วมรกตซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมขึ้นใหม่ให้ทันฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดารามในปลายรัชกาล

หลักฐานการก่อสร้างและรายละเอียดทางสถาปัตยกรรม ของพระอุโบสถในรัชสมัยนี้ไม่ชัดเจนนัก นอกจากบ่งไว้ว่า ฝาผนังรอบนอกเป็นลายรดน้ำปิดทองรูปกระหนกเครือแย่งทรงข้าวบิณฑ์ดอกในบนพื้น สีชาด ฝาผนังด้านในเหนือประตูด้านสกัดเป็นภาพเรื่องมารวิชัยและเรื่องไตรภูมิ

ส่วนฝาผนังด้านยาวเขียนภาพเทพชุมนุมตามแบบที่สืบเนื่องมาจากสมัยอยุธยา ฝาผนังระหว่างหน้าต่างเขียนภาพเรื่องปฐมสมโพธิ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบซึ่งปรากฏว่ามีการแก้ไขในรัชกาลที่ 3 และ 4 ในภายหลังดังที่เห็นได้ในปัจจุบัน

พระทวารกลาง เป็นพระทวารใหญ่สูง 8 ศอกคืบ กว้าง 4 ศอกคืบ ตัวบานเป็นบานประดับมุกลายช่องกลม ส่วนพระทวารข้างเป็นทวารรองสูง 7 ศอก กว้าง 3 ศอก 1 คืบ 10 นิ้ว ตัวบานเป็น บานประดับมุกกลายเต็ม ซึ่งบานพระทวารทั้ง 2 แห่งนี้ สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ประทานความเห็นว่า "เป็นฝีมือที่น่าชมยิ่ง ตั้งใจทำแข่งกับบานที่ทำครั้งแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ ซึ่งอยู่ที่วิหารยอด"

ภายในพระอุโบสถได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้น กลางห้องประดิษฐานพระแก้วมรกตในบุษบกทองคำพร้อมด้วยพระพุทธรูปสำคัญมากมาย

หอราชพงศานุสรณ์

หอราชพงศานุสรณ์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ตั้งอยู่บนกำแพงแก้วด้านหลังพระอุโบสถอยู่ทางทิศใต้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำรัชกาลพระมหากษัตริย์กรุงรัตนโกสินทร์ ภายในเขียนภาพพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์

พระโพธิธาตุพิมาน

พระโพธิธาตุพิมานเป็นที่ประดิษฐานพระปรางค์ของโบราณ ซึ่งทรงอัญเชิญมาจากเมืองเหนือขณะทรงผนวช ภายในพระปรางค์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและบรรจุพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยา

กลุ่มฐานไพที

กลุ่มอาคารบริเวณฐานไพที มีอาคารหลักสามหลัง คือ ปราสาทพระเทพบิดร พระมณฑป พระศรีรัตนเจดีย์ และวัตถุประดับตกแต่งอื่นๆเช่น รูปปั้นสัตว์หิมพานต์ บุษบกพระราชลัญจกร นครวัดจำลอง พระสุวรรณเจดีย์ และ พนมหมาก

กลุ่มอาคารประกอบ

เป็นกลุ่มอาคารและสิ่งประดับอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกลุ่มอาคารทั้งสองกลุ่ม ประกอบด้วย หอพระนาก พระเศวตกุฏาคารวิหารยอด หอมณเฑียรธรรม พระอัษฎามหาเจดีย์ ยักษ์ทวารบาล และจิตรกรรมฝาผนังที่ พระระเบียง ซึ่งมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังจำนวน 178 ห้อง เรียงต่อกันยาวตลอดฝาผนังทั้ง 4 ทิศ มีเนื้อหาจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์

พระอัษฎามหาเจดีย์

พระอัษฎามหาเจดีย์ หรือ พระปรางค์ 8 องค์ ตั้งเรียงกันอยู่หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภายนอกพระระเบียง พระมหาเจดีย์ทั้ง 8 องค์นี้ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่นอน ภายนอกพระระเบียง 6 องค์ ภายในพระระเบียง 2 องค์ พระอัษฎามหาเจดีย์เป็นชื่อที่คณะกรรมการอำนวยการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตน ศาสดาราม เมื่อฉลองพระนครครบ 200 ปี มีมติให้เรียกชื่อรวมเป็นทางการตามชื่อที่ปรากฏในการบูรณปฏิสังขรณ์สมัย รัชกาลที่ 3 ของพระศรีภูริปรีชาวัตถุประสงค์ในการสร้างพระมหาเจดีย์เหล่านี้ก็เพื่ออุทิศ เป็นพระพุทธเจดีย์องค์หนึ่ง พระธรรม

เจดีย์องค์หนึ่ง พระปัจเจกเจดีย์องค์หนึ่ง พระสาวกเจดีย์องค์หนึ่ง พระภิกขุนีสาวกเจดีย์องค์หนึ่ง พระชาฎกโพธิสัตว์องค์หนึ่ง พระสงฆเจดีย์องค์หนึ่ง และพระยาจักรเจดีย์องค์หนึ่ง

ต่อมาในรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ประดับกระเบื้องเคลือบสีที่พระมหาเจดีย์ทั้ง 8 องค์ส่วนในสมัยรัชกาลที่ 7 และรัชกาลปัจจุบันเป็นการซ่อมส่วนที่ชำรุดเสียหายแต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูป ร่างแต่ประการ

พระพุทธรูปสำคัญภายในพระอุโบสถ

พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนตอนต้น ทำจากหินหยกสีเขียวเข้มทึบแสง ปางสมาธิ ขนาดหน้าตัก 43 ซม. สูง 55 ซม.

พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย คือพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างอุทิศให้กับรัชกาลที่ 1 และ 2 ศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางห้ามสมุทร สูง 3 เมตร ทรงเครื่องต้นพระจักรพรรดิราช เป็นพระพุทธรูปสำริดหุ้มทองคำลงยาราชาวดี เครื่องต้นประดับเนาวรัตน์ ใช้ทองคำเท่ากับทองที่หุ้มพระศรีสรรเพชญ ในสมัยอยุธยา

พระสัมพุทธพรรณี คือพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างใน พ.ศ. 2373 ตามอย่างพุทธลักษณะที่พระองค์ทรงสอบสวนได้ สร้างจากกะไหล่ทองคำ ปางสมาธิหน้าตักกว้าง 49 ซม. สูงถึงพระรัศมี 67.5 ซม. มีการเปลี่ยนพระรัศมีเป็นสีต่าง ๆ ตามฤดูกาล พร้อมกับการเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต

ข้อมูลทั่วไปของวัดพระศรีศาสดาราม(วัดพระแก้ว)

ชื่อสามัญ วัดพระแก้ว ( Wat Phra Kaew ) เป็นพระอารามหลวงชั้นพิเศษ เป็นพระอารามประจำ พระบรมมหาราชวัง มีพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต) คือพระประธานในพระอุโบสถ พระพุทธรูปสำคัญ ได่แก่ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระสัมพุทธพรรณี พระชัยหลังช้าง พระคันธารราษฎร์ พระนาก ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา เมื่อเข้ามาที่วัดพระแก้วนักท่องเที่ยวก็จะมา สักการะพระแก้วมรกต ชมจิตรกรรมฝาผนัง ที่พระระเบียง ส่วนกิจกรรมที่น่าสนใจก็คือ การเทศนาธรรม วันอาทิตย์ และวันพระ

ข้อห้ามของวัดพระแก้ว ห้ามสวมกางเกงหรือกระโปรง ที่มีชายสูงกว่าเข่าทุกชนิด เสื้อที่เปิดไหล่ทุวนกิจกชนิด รองเท้าที่เปิดส้นทุกชนิด และกางเกนยีนส์ขาดๆ

การถ่ายภาพวัดพระแก้ว ไม่ควรใช้แฟลช ในการถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนัง และไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ภายในพระอุโบสถเด็ดขาด ฝ่าฝืนมีโทษปรับ และยึดฟิล์ม/สื่อบันทึก

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 15.30 น. ยกเว้นแต่วันที่มีพระราชพิธีต่าง ๆ ชาวไทยไม่เสียค่าเข้าชม สำหรับชาวต่างประเทศเสียค่าเข้าชม 200 บาท

ที่ตั้งของวัดพระแก้ว ตั้งอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง เขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวันออก ติดท้องสนามหลวง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

 

แผนที่ของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)


วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ถือว่าเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกอีกที่หนึ่ง ทีมีประวัติศาสตร์แห่งแผ่นดินล้านนามายาวนานนับแต่อดีตซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าศึกษาและชมความงดงามอย่างยิ่ง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อยู่ในพระอารามหลวงประเภท วรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่







วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ ซึ่งพญาผายูกษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์มังรายโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้น ในปีพ.ศ. 1888 พร้อมทั้งสร้างพระเจดีย์สูง 24 ศอกองค์หนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของพญาคำฟู พระราชบิดา มีพระพุทธรูปที่สำคัญอยู่องค์หนึ่ง เป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง"
ตามประวัติของพระพุทธสิหิงส์นั้นเล่าไว้ว่า พระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์เม็งราย ผู้ครองนครเชียงใหม่ ทรงโปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองเชียงรายเพื่อไปประดิษฐานไว้ยัง วัดสวนดอก แต่พอราชรถมาถึงวัดลีเชียง ก็ปรากฎว่าติดขัดไม่สามารถเดินทางต่อไปได้อีก ดังนั้นพระเจ้าแสนเมืองมาจึงให้ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ไว้ที่วัดลีเชียงนี้ ประชาชนนิยมเรียกพระพุทธสิงหิงค์สั้น ๆ ว่า พระสิงห์ จึงได้เรียกชื่อวัดพระสิงห์







เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ชาวเมืองจะอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้แห่ไปตามถนน รอบเมืองเพื่อให้ประชาชนสรงน้ำโดยทั่วกัน ในวิหารลายคำซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ยังมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง สุพรรณหงส์ และสังข์ทองซึ่งพบเพียงที่นี่แห่งเดียว ยังมีศิลปกรรมอื่นๆ ที่น่าชม ได้แก่ พระอุโบสถตกแต่งแบบศิลปะล้านนา หอไตรประดับด้วยรูปปูนปั้นเทวดา และเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนา
ความเชื่อและวิธีการบูชา พระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์ถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีมะโรง (งูใหญ่) หากได้มานมัสการอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งแล้ว จะเป็นมงคลสูงสุดทำให้อายุมั่นขวัญยืน มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
ข้อมูลทั่วไปชื่อสามัญ วัดพระสิงห์ ตั้งอยู่ที่ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ประเภท พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร นิกาย เถรวาทพระพุทธรูปสำคัญ พระพุทธสิหิงค์ (พระสิงห์) ความพิเศษประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ (พระสิงห์) (ศิลปะเชียงแสน)จุดที่น่าสนใจคือ สักการะพระพุทธสิหิงค์ ชมซุ้มประตูโขง และจิตรกรรมฝาผนังการถ่ายภาพและไม่ควรใช้แฟลช ในถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนัง
สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ทางลาด: ทางวัดจัดทางลาดสำหรับเข้าห้องส้วมไว้ คนที่ใช้ Wheel Chair สามารถใช้งานได้ ป้ายสัญลักษณ์: ในวัดที่จัดไว้เป็นป้ายห้องส้วมสาธารณะ ห้องส้วม: สร้างไว้ 2 ห้องแยกชายหญิง รวมถึงมีห้องผู้สูงอายุ และห้องเด็กอีกด้วย

แผนที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More